
Highlight
- อุโมงค์เมเปิ้ล (Maple Tree Tunnel, もみじのトンネル) นั่งรถไฟผ่านอุโมงค์เมเปิ้ล
- วัดคุรามะ (Kuramadera Temple, 鞍馬寺) วัดเก่าแก่บนยอดเขา
- ศาลเจ้าคิฟุเนะ (Kifune Jinja, 貴船神社) ศาลเจ้าที่ทางขึ้นโดดเด่นด้วยโคมไฟสีแดง
หากใครอยากหนีความจอแจในเกียวโต ผมมีสถานที่ทางตอนเหนือของเกียวโตแนะนำ ไม่ไกลจากเกียวโต มีความสวยงามและผู้คน(ต่างชาติ)ไม่มากนัก เป็น unseen อีกที่หนึ่งของญี่ปุ่นเลยทีเดียว โดยผมได้เดินทางมาในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 ซึ่งเป็นช่วงปลาย ๆ ของฤดูใบไม้ร่วง
ออกเดินจากจากสถานีหลักของเมืองเกียวโต (Kyoto Station) โดยมีเป้าหมายคือสถานี Demachiyanagi ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกียวโต เพื่อเปลี่ยนไปรถไฟสาย Eizan Railway – Kurama Line นั่นเอง

เราใช้รถไฟสาย JR Nara Line มา 1 สถานีเพื่อมาเปลี่ยนสายไปยัง Keihan Railway ที่สถานี Tofukuji และ ต่อด้วยสาย Keihan Railway เพื่อเดินทางไปยังสถานี Demachiyanagi เพื่อทำการเข้าสู่สายรถไฟ Eizan Railway – Kurama line

เราสามารถซื้อบัตร Eizan Railway 1-Day ในราคา 1,200 円 สำหรับผู้ใหญ่ และ 600 円 สำหรับเด็กอายุตั้งแต่ 6-11 ปี ถ้ามีเวลามากการซื้อตั๋วนี้ก็คุ้มมาก ๆ แต่ถ้าคิดว่าขึ้นลงไม่กี่สถานี สามารถใช้บัตร IC ต่าง ๆ เช่น Suica, Passmo ได้เช่นกัน โดยผมไม่ได้ซื้อบัตร 1-Day Pass เพราะคิดว่าไม่ได้ขึ้นลงหลาย ๆ รอบ

ก่อนเข้าสถานีขอให้ดูป้ายข้อมูลให้ดีว่า สายไหนไป Kurama เนื่องจากจุดนี้มีรถไฟ 2 สายคือไปสายสีแดงไปสิ้นสุดที่ Kurama และ สายสีเขียว Yase-Hieizanguchi ครับ พอเข้ามาในตัวสถานีแล้วอาจจะงง ๆ ได้








สำหรับค่าใช้จ่ายในการมาถึงสถานีนี้อยู่ที่ 430 เยน สามารถตรวจสอบราคาได้จากแผ่นพับนำเที่ยว ซึ่งอยากให้หยิบติดไม้ติดมือมากันด้วย เพราะบอกรายละเอียดได้ดีมาก ๆ



Kifune Jinja ศาลเจ้าคิฟุเนะ
เป็นศาลเจ้าที่มีไว้บูชาเทพเจ้าแห่งน้ำและฝน มีอายุเก่าแก่กว่า 1600 ปี เก่าแก่กว่าเมืองเกียวโตเสียอีก เนื่องจากตั้งอยู่บนเขาสูง อากาศจึงเย็นสบายตลอดทั้งปี


เมื่อขึ้นมาแล้วก็ถ่ายย้อนกลับลงไป ก็สวยดีไปอีกแบบ สำหรับใบไม้แดง ณ เวลานี้ ร่วงไปมากแล้ว ปล.ฟอล IG ได้นะ







อีกจุดที่น่าสนใจของวัดนี้คือการเสี่ยงเซียมซี แต่เป็นเซียมซีที่ให้นำกระดาษไปลอยน้ำ แล้วจะมีตัวอักษรปรากฎออกมา และแน่นอนว่าเราอ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออก ทางศาลเจ้ามีความทันสมัย โดยเราสามารถแสกน QR Code เพื่อทำการแปล และแน่นอนว่าถ้าได้ออกมาดีเราสามารถเก็บแผ่นกระดาษไว้กับตัวเราเองได้ ถ้าออกมาไม่ดี เราก็สามารถเอากระดาษไปผูกเสาได้เช่นกัน





จากนั้นได้เดินขึ้นมาอีกตามทางอีกเล็กน้อย เดินมาตามลำธารสายเล็ก ๆ นั่นก็คือแม่น้ำ Kibune River นั่นเอง มีความใสสะอาด บริสุทธ์มาก ๆ เราเดินมาเรื่อย ๆ จนมาพบกับอีกส่วนของศาลเจ้าก็คือ Kifune Jinja Okunomiya (พิกัด)



ในส่วนนี้จะมีแท่นบูชา ซึ่งว่ากันว่าตรงจุดนี้เป็นสถานที่จุดแรกที่สร้างศาลเจ้า Kifune ขึ้นมา แต่ส่วนหลักได้ไปตั้ง ณ จุดที่เราไปมาในปัจจุบัน





กลางวันเราทานอาหารที่ร้าน Kibune Kiraku อาหารวันนี้คือชุดข้าวหน้าปลาไหลในราคา 3,100 เยน พร้อมกับบรรยากาศริมน้ำ ในหน้าร้อนที่นี่จะเปิดส่วนที่ยื่นลงไปในน้ำ ให้เราได้นั่งรับประทานอาหารกลางสายน้ำเลยทีเดียว แน่นอนว่าในช่วงนี้หนาวเกินกว่าที่จะนั่งทานอาหารกันด้านนอก
หลังจากนั้นเราเดินทางโดยรถเมล์กลับไปยังสถานี Kibuneguchi เพื่อเปลี่ยนเส้นทางไปขึ้นรถไฟสายเดิม เพื่อไปยังวัด Kurama / อีกวิธีหนึ่งในการเดินทางไปยังวัด Kurama เราสามารถเดินเท้าบนเส้นทางภูเขาได้ เป็นทางขึ้นเป็นส่วนมาก ใช้เวลานาน ประมาณ 50 นาที กับระยะทางประมาณ 700 เมตร ดังนั้นควรตัดสินใจให้ดีว่าจะเลือกทางไหน คำแนะนำคือให้ไปเดินจากทางวัด Kurama แล้วเดินลงไปยัง Kifune จะดีกว่า เนื่องจากเป็นทางลงเป็นส่วนใหญ่



คนเยอะมาก ๆ หากใครมี IC สามารถเติมเงินได้ที่สถานีนี้เช่นกัน



เมื่อมาถึงสุดสายอย่างสถานี Kurama ออกมาจะเจอหน้ากากสีแดงดำดูแปลก ๆ ที่เรียกว่า Tengu เขาเชื่อกันว่าเป็นปีศาจหน้าตาหน้ากลัวเอาไว้ปกป้องรักษาภูเขาและป่าไม้แห่งนี้


ในช่วงต้นปี 2017 ได้เกิดหิมะตกลงมาอย่างหนัก มีการทับถมส่วนของจมูกของ Tengu ทำให้มีการแบกรับน้ำหนักหิมะมาก จนไม่ไหวได้เกิดหักลงมาดังภาพ (Credit [3]) แต่ ณ ปี 2019 ได้ทำการซ่อมเรียบร้อยแล้ว
Kurama Temple วัดคุรามะ วัดใหญ่บนภูเขา
ที่นี่เป็นวัดในศาสนาพุทธ มีความเก่าแก่มาก โดยมีประวัติมาตั้งแต่ปี 770

















เราเลือกใช้ Cable car ในการลงไปบริเวณหน้าวัด
นอกจากนี้เมือง Kurama ยังเป็นแหล่งออนเซนชื่อดังอีกด้วย (ทางไปจองโรงแรม)
ส่วนตอนขากลับเราได้กลับโดยรถไฟแบบ Panarama พอดี ซึ่งสามารถตรวจสอบรอบรถไฟผ่านทางเว็บไซต์ของ Eizan Railway




ขากลับเราผ่านอุโมงค์โมมิจิหรืออุโมงค์ใบไม้แดงอีกรอบ ในรอบค่ำแบบนี้ตอนที่ผ่านอุโมงค์เขาจะเปิดไฟส่องสว่างไปที่ต้นไม้ และหรี่ไฟในรถไฟให้มืดลง เพื่อให้เราได้ชมความงามได้เต็มที่ อย่าลืมตรวจสอบว่าเวลาไหนมีขบวน Panorama แบบนี้บ้าง จากนั้นก็เดินทางเข้าเกียวโตโดยสวัสดิภาพและประทับใจ ขอบคุณพี่นกที่แนะนำเส้นทางสวย ๆ แบบนี้ครับ
นอกไปจากนั้นแล้วยังมีสถานที่สวย ๆ ตามเส้นทางอีกมากมาย ถ้ามีเวลามาก ๆ ก็แวะได้อีกหลาย ๆ ที่เลย
ขอบคุณที่ติดตามครับ
References/ Credit to: [1] Keihan Eizan Railway – https://eizandensha.co.jp/en/ [2] guidetokyoto – https://guidetokyoto.com/buses/local-buses/kyoto-bus/ [3] – http://www.spoon-tamago.com/2017/03/27/broken-by-the-weight-of-snow-a-tengu-nose-is-now-repaired/