ประเทศญี่ปุ่นดินแดนแห่งภูเขาสูงมากมาย หนึ่งในภูเขาชื่อดังแต่แทบจะไม่มีคนไทยรู้จักเลย แม้แต่ใน Pantip ก็ไม่สามารถหาอ่านรีวิวได้ นั่นคือ ภูเขาฮาคุซัง (Hakusan, 白山) ภาษาญีปุ่นนั้นหมายความว่าภูเขาสีขาว ตั้งอยู่ในรอยต่อของจังหวัดอิชิกะสะ ฟุกุอิ และ กิฟุ เป็น 1 ใน 3 ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของญี่ปุ่น (Three Holy Mountains, 三霊山 Sanreizan) ได้แก่ภูเขาไฟฟูจิ Fujisan 富士山, ภูเขาทาเทะยามะ Tateyama 立山, ภูเขาฮาคุซัง Hakusan 白山 นั่นเอง
และยังเป็น 1 ใน 100 ภูเขาที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่นหรือ Nihon hyakumeizan 日本百名山 อีกด้วย
Source : wikipedia
ภูเขาฮาคุซังเป็นภูเขาไฟที่ยังสามารถปะทุได้ทุกเมื่อ ภูเขานี้มียอดที่สูงที่สุด 2,702 เมตร ในฤดูหนาวภูเขานี้จะมีสีขาวโดดเด่น สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล แม้แต่ในฤดูร้อนก็ยังสามารถเห็นหิมะได้อยู่บริเวณยอดเขา นอกจากนั้นยังมีศาลเจ้าอยู่บนยอดเขา โดยเป็นสาขาของศาลเจ้าชื่อดังอย่าง 白山比咩神社 Hakusan/Shirayama Hime Jinja ในเมือง Tsurugi นั่นเอง
ที่ผมสนใจที่จะมาขึ้นที่นี่ อีกเหตุผลคือเป็นภูเขาสีขาวสวยที่ตั้งอยู่ยังมหาวิทยาลัยที่พวกผมกำลังศึกษากันอยู่นั่นเอง
วิธีการเดินทางมาปีนเขา Hakusan
1. รถยนต์ สามารถขับรถมาได้อย่างปลอดภัย โดยมีที่จอดรถกว้างใหญ่ แต่ในช่วงฤดูร้อนโดยเฉพาะวันหยุดยาวและวันหยุดสุดสัปดาห์จะมีการจัดการจราจร โดยผู้ที่นำรถยนต์ส่วนตัวมาต้องจอดรถไว้บริเวณ Ichinose camp (市ノ瀬野営場) เพื่อทำการนั่งรถบัสขึ้นไปยัง Bettodeai (別当 出合) อันเป็นจุดเริ่มต้นในการเดินขึ้น Hakusan ครับ โดยมีอัตราค่าโดยสาร 500 yen นั่นเอง
อันนี้เป็นตัวอย่างของตารางรถบัสที่ใช้โดยสารระหว่าง Ichinose camp – Bettodeai จะมีบริการตั้งแต่ตี 5 ดังนั้นคนที่จะมาปีนแบบไปเช้าเย็นกลับควรมาในเวลาเช้าแบบนี้ครับ ข้อมูลปี 2018
แผนที่ : http://www.kagahakusan.jp/file/info/documents/EN-2012_nakamen.pdf
ส่วนวันธรรมดานอกจากวันที่ระบุอยู่ก็สามารถนำรถไปจอดยังที่ Bettodeai ได้เลย แต่ทางจะข้อข้างแคบและชันมาก
2. รถบัส สามารถมาที่นี่ด้วยบริการรถบัสจากสถานี Kanazawa
จากโตเกียวสามารถใช้บริการ Hokuriku Shinkansen เพื่อมาให้ถึงที่ Kanazawa station และสามารถใช้บริการรถของ Hokutetsu มายัง Hakusan ได้ สามารถดูรอบรถได้ที่ : http://www.hokutetsu.co.jp/tourism-bus/hakusan
ดังนั้นวิธีที่สะดวกที่สุดคือ มาโดยรถยนต์นั่นเองครับ
การปีนเขา
วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม 2560 (August 5th 2018)
Source: http://www.kagahakusan.jp/en/mountain/index.html
จาก Bettodeai จะมีเส้นทางให้เลือก 2 เส้นทางคือ
- Kankoshindo – เส้นทางนี้ยากกว่า ชันกว่า ใช้เวลามากกว่า เป็นเส้นทางการเดินไปตามสันเขา แต่สามารถเห็นวิวได้สวยกว่า
- Saboshindo – เส้นทางนี้ชันน้อยกว่า ใช้เวลาน้อยกว่า แต่เป็นการค่อย ๆ ใต่ขึ้นระดับในหุบเขา ทำให้ไม่ค่อยเห็นวิวอะไรเท่าไร
พวกเราลงความเห็นว่าควรที่จะใช้เส้นทาง Kankoshido ในการปีนขึ้น และ เส้นทาง Saboshindo ในการเดินลงมา
Hike up: Bettldeai – Murodo via Kankoshindo route
สำหรับเส้นทางขาขึ้นเราใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงในการเดิน ๆ พัก ๆ และพวกเราแวะทานอาหารกลางวันที่ Tonogaike Hut ประมาณ 1 ชั่วโมง ในการขึ้นไปให้ถึงที่ Murodo Center ซึ่งเป็นที่พักค้างคืนก่อนที่จะพิชิตยอดเขาในวันรุ่งขึ้น
เวลา 8:48 น. ทีมนานาชาติ 8 คน คนไทย กัมพูชา เวียดนาม เริ่มต้นการออกเดินทางสู่ยอดเขา Hakusan จากจุดนี้เส้นทางจะแยกเป็น 2 ทางนะครับ ถ้าข้ามสะพานไปก็จะเป็นเส้นทาง Saboshindo และถ้าแยกซ้ายขึ้นเขาก็จะเป็นเส้นทาง Kankoshindo ที่เราจะใช้ครับ ป้ายเส้นทางข้อนข้างชัดเจนว่าเส้นทางไหนอย่างไร มีหลักกิโลเมตรบอกตลอด สำหรับเส้นทางนี้มีระยะทาง 6 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินอย่างเดียวประมาณ 290 นาทีหรือประมาณ 5 ชั่วโมงครับ
เวลา 9:13 น. พวกเราก็เดินมาถึงกิโลเมตรแรกอย่างรวดเร็ว ทางก็ขึ้นเขาไปเรื่อย ๆ ในร่มไม้ยังไม่ชันมาก แต่อย่าหลงดีใจไป เพราะเส้นทางอีก 5 กิโลเมตรที่เหลือคือขึ้น ๆ อย่างเดียวเท่านั้น
เมื่อขึ้นมาเราก็ขึ้นมาบนสันเขา ที่ไม่ค่อยมีต้นไม้ใหญ่ปกคลุม และอากาศร้อนมาก ๆ แต่วิวคือสวยมากเลย
มีทางหินสูงชัน เหนื่อยมากเลย
เส้นทางจะใต่ไปบนสันเขาเรื่อย ๆ
เส้นทางสวยมาก ๆ แต่เหนื่อยและร้อนมาก
11.28 น. ก็เดินทางมาถึงครึ่งทางแล้ว ใช้เวลาจากจุดเริ่มต้นมาถึงจุดนี้ใช้เวลาไป 100 นาทีพอดิบพอดี แต่เรายังต้องไปต่อครับ
เมื่อมองไปข้างหน้า หนทางยังอีกยาวไกล
และเมื่อมองไปข้างหลัง เส้นทางที่เราไต่ขึ้นมา สูงและสวยมาก
เราปีนกันมาอีกสักพักก็เห็นบ้านอยู่หนึ่งหลัง นั่งคือจุดพักกินข้าวกลางวันของพวกเรา
12.33 น.เราก็มาถึง Tanogaike Shelter Hut ตรงนี้เอาไว้เป็นที่พัก ที่เติมน้ำดื่ม ข้าง ๆ การมาถึงจุดนี้ได้เราใช้เวลา 225 นาที หรือ 3.75 ชั่วโมง ดังนั้นการเลือกเส้นทางนี้ควรเตรียมน้ำมาให้พอดีในช่วงแรก อย่างน้อย 1 ลิตรครับ เพราะ น้ำขวด 500 cc ไม่พอแน่นอน
13:29 น. เมื่อเราพักรับประทานอาหารกลางวันที่ซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อ เราก็เดินทางกันต่อ ส่วนวิวจากบนที่พักนี้ สวยงามมาก ได้เห็นเส้นทางที่เราผ่านมาเกินครึ่งทางแล้ว
จากนั้นเส้นทางก็ดิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ สูงขึ้นไปอีก ผ่านทุ่งดอกไม้
ดอกไม้ระหว่างทางสวยมาก
14:52 น. เราก็เดินมาแล้วถึง 5.1 กิโลเมตร เราใช้เวลามาถึงจุดนี้มาในเวลา 364 นาที หรือ 6.04 ชั่วโมง จุดนี้เรียกว่า Korobokoiwa Rock ซึ่งเป็นทางที่มาบรรจบกับเส้นทาง Saboshindo ที่จะขึ้นไปยัง Murodo จากจุดนี้เหลือเพียง 0.9 กิโลเมตรก็จะถึงที่พักแล้ว
15:02 น. พวกเราเริ่มเดินกันต่อในช่วงสุดท้าย ช่วงนี้ทางเรียบสบาย ๆ
เป็นพื้นราบก่อนถึงบนยอดเขา ทางไม้ปูสบาย ๆ เดินไปเรื่อย ๆ ครับ จากจุดนี้เราเห็นยอดเขาแล้ว
ทางสวยมาก
จากนั้นมีปีนช่วงสุดท้ายต่อนิดหน่อย และในที่สุด …
15:46 น. เราเดินทางถึง Murodo Center อันเป็นที่พักของเราในคืนนี้ ที่ความสูง 2,450 เมตร ใช้เวลา 418 นาที หรือประมาณ 7 ชั่วโมงพอดีรวมเวลาพักแล้ว
การจองที่พักที่ Murodo
Murodo Center เป็นที่พักขนาดใหญ่ รองรับคนได้กว่า 750 คน โดยบนนั้นมีทุกอย่างที่ต้องการ ตั้งแต่อาหาร เครื่องดื่มอย่างเบียร์ ของที่ระลึก หรือแม้แต่ไปรษณีย์ ซึ่งเราสามารถซื้อโปสการ์ดและส่งไปรษณีย์ได้ ณ ปัจจุบัน การจองสามารถทำได้โดยการโทรศัพท์เท่านั้น สามารจตรวจสอบจำนวนที่พักและเบอร์โทรศัพท์ได้ที่ เว็บไซต์นี้ : http://www.kagahakusan.jp/file/murodou/yoyakujoukyou.html สำหรับอัตราค่าที่พักคนละ 6,000 เยน อาหารเย็นคนละ 1,800 เยน อาหารเช้าคนละ 1,200 เยน
เมื่อเรามาถึงก็ทำการเช็คอินเข้าที่พัก โดยเราต้องนำพาสปอร์ตมาด้วยนะครับ เหมือนกับที่พักทั่ว ๆ ไป จากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่พาเราไปยังห้องพัก
พร้อมกับแจกบัตรอาหารเย็น ตอนจองที่พักสามารถจองว่าจะรับอาหารเย็น อาหารเช้า แล้วอาหารกลางวันวันต่อไปด้วยหรือไม่ เนื่องจากวันที่เราไป มีคนขึ้นไปจำนวนมาก รอบอาหารเย็นเลยต้องแบ่งเป็นรอบ ๆ ครับ
สภาพที่พัก มีอยู่ 4 หลัง มีห้องน้ำรวม ห้องน้ำไม่สะอาดมาก น้ำไม่ค่อยไหลด้วย ไม่มีที่ให้อาบน้ำนะครับ
สภาพห้องพัก นอนรวม ๆ กันแบบนี้ พวกเราไปกัน 8 คน เหมาชั้นล่างได้หมดพอดีครับ ดู ๆ แล้วน่าจะจุได้ 32 คน หรือมากกว่านั้น
จากนั้น 17:20 น.ก็เป็นเวลาอาหารของเรา เข้ามาก็รับถาด
เหมือนโรงอาหารที่ไว้บริการตัวเอง
หน้าตาอาหารก็ประมาณนี้ครับ จัดเต็ม สามารถเติมซุป เติมข้าวไม่อั้น มีขนมด้วย พร้อมชาร้อน ๆ ในบรรยากาศหนาว ๆ ประมาณ 10 องศาครับ
นอกไปจากนั้นถ้าอาหารไม่พอ ยังมีเครื่องดื่มร้อนเย็นขายอีกด้วย
และแน่นอน มีศาลเจ้าชื่อดัง เดี๋ยวจะเล่าตอนถัดไปนะครับ และ ยอดเขาตรงนั้นเราจะไปพิชิตมันในวันพรุ่งนี้ อีกแค่ 1.2 กิโลเมตร กับการเดินขึ้นอีก 252 เมตร เท่านั้น
มาฉลองกันหน่อย มีทุกอย่างจริง ๆ และพวกเราก็เข้านอนกันแต่หัววัน เพื่อเตรียมตัวตื่นนอนไปดูดวงอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า
วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม 2561 (August 6th 2018)
ตี 3:45 น. ถึงเวลาตื่นนอน เข้าห้องน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัง เติมน้ำให้เต็ม พร้อมเดินทางตอน 4:15 น. ซึ่งต้องดูเวลาดวงอาทิตย์ขึ้นให้ดี ถ้ามาช่วงต้นสิงหาคม ดวงอาทิตย์จะขึ้นประมาณตี 5 ส่วนกรกฎาคม ดวงอาทิตย์จะขึ้นไวมาก อาจจะต้องออกเช้ากว่านี้ สามารถดูข้อมูลอากาศได้ที่ https://www.mountain-forecast.com/peaks/Haku-san/forecasts/2702
สิ่งที่ควรนำติดตัวมาด้วย ก็คือไฟฉายคาดหัว และน้ำเปล่ามาให้เพียงพอครับ ทางเดินขึ้นไม่ยากมาก มีพื้นหินปูทางเป็นบันใดขึ้นไปแบบไม่ชันมาก
ใช้เวลาเดินไม่นานและไม่เหนื่อยมาก ใช้เวลาเดินแค่ 40 นาทีก็ถึงยอด ระหว่างทางก็เริ่มเห็นแสงออกมาแล้ว
4:56 น. เราขึ้นมาถึงบนยอดเขาอย่างง่ายดาย และนี่คือวิวที่เห็นก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น
นี่คือภาพบรรยากาศตอนที่ดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้ามา พร้อมกันนั้นมีพระมานำสวดอะไรสักอย่างด้วย สุดยอดไปเลย
มีคือบรรยากาศทะเลหมอก พร้อมกับฟ้าสวย ๆ ดวงอาทิตย์ดวงโต ๆ ในวันนั้นบนยอดเขาอุณหภูมิประมาณ 10 องศาเซลเซียส
แน่นอนว่าเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ บนยอดเขามีพระมานำสวด นักปีนเขาจำนวนมากเกือบทั้งหมดก็มาเข้าร่วมพิธีครับ และลองมองภาพด้านบนดี ๆ เราจะเห็นเงาของ Hakusan อีกด้วย
ถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึกกันหน่อย ทริปนี้เพื่อน ๆ น้อง ๆ ที่มาด้วยหลายคนเรียนจบป.เอกกันแล้ว อีกนานกว่าจะได้เจอกันอีก เลยถือว่าเป็นทริปส่งท้าย ขอบคุณ อาร์ท น้องจูน น้องตาล น้องไข่เจียว น้องคิมชาวกัมพูชา คุณฮุงชาวเวียดนาม และสุดท้ายคือน้องโยแม้ว่าจะไม่ได้ขึ้นมาด้วยกัน แต่ว่าครั้งหนึ่งเรามาที่จุดสูงสุดที่ 2,702 เมตรด้วยกันแล้ว
เมื่อมองวิวไปรอบ ๆ เจอทะเลหมอกสวย ๆ ภูเขามากมายสูงสลับซับซ้อน
บนยอดเขาแม้จะเข้ากลางฤดูร้อนแล้วยังคงมีหิมะให้เห็นอยู่มากมาย
เมื่อมองย้อนลงมา เราเห็น Murodo Center ลองซูมกันเข้ามาอีก
เราพักบ้านหลังซ้ายมือล่างสุด ส่วนได้ซ้ายสุด ๆ เป็นห้องน้ำรวมครับ ส่วนตรงกลางหลังใหญ่ ๆ ด้านบนเป็น Center ที่มีขายของทุกอย่าง ร้านอาหาร ร้านขายน้ำ แหล่งข้อมูล รวมถึงไปรษณีย์ ในนั้น ตรงกลางล่างนั่นคือศาลเจ้า
เมื่อมองย้อนกลับขึ้นไปบนยอดเขา ทางไม่สูงมาก ไม่ชันมาก เป็นบันใดเป็นขั้น ๆ ขึ้นไป
เมื่อลงมาโดยใช้เวลาไม่นาน เราก็มาทานอาหารเช้ากัน เวลาอาหารเช้าในช่วงเดือนสิงหาคมคือ 6.00 – 8.00 น. และจะแตกต่างไปตามแต่ละเดือน
อาหารเช้าของพวกเรา หน้าตาประมาณนี้ กินกันอิ่มก็ไปเดินเล่นบริเวณ Murodo ต่อ
ตรง Murodo มีศาลเจ้าสาขาของ Shirayama Hime Jinja 白山比咩神社 ศาลเจ้านี้ดังมาก ๆ โดยมีศาลเจ้าลูกกว่า 3,000 สาขา Shirayama Hime Jinja ตั้งอยู่ตีนเขาของ Hakusan ในเมือง Tsurugi
จุดนี้คือ Hakusan Okumiya Prayer Hall เป็นจุดที่เราสามารถไปสวดเพื่อบูชาภูเขาได้ จุดนี้มีอายุกว่า 1,300 ปี ซึ่งเก่าแก่มาก และมีตำนานมากมาย พวกเราส่งไปรษณีย์และกราบไหว้ศาลเจ้าส่งท้ายก่อนเดินลงเขา
ตอน 8.27 น. เราเริ่มต้นออกเดินจาก Murodo ทางลงเขาจะมีทางแยกหลายทางมาก จากในรูปถ้าเดินแยกซ้ายไปนี่ไปลงอีกจังหวัดเลยนะครับ ระวังด้วยละ
8.47 น. เราก็มาถึงจุดทางแยก ใช้เวลาลงมาแค่ 20 นาทีเอง ต้องเดินลงมาให้เจอป้ายนี้ก่อนนะครับ แล้วเราเดินแยกซ้ายไปเพื่อไป Bettodeai จะเห็นว่าระยะทางไกล้ ๆ กัน แต่ลงทาง Saboshindo เถอะ เพื่อรักษาหัวเข่า
เมื่อมองลงไป นี่คือทางที่เราต้องลงไป ยาวกันไปเลยทีเดียว
ทาง Saboshindo จะลงแบบไม่ชันมาก จะลงแบบซิกแซกไปมา ทำให้ช่วยเข่าเจ็บได้อย่างดี
มีดอกไม้ริมทางบ้าง
สภาพเส้นทางคือค่อย ๆ ลาดลงไปตามหุบเขา มีไอหมอกขึ้นมาแะทะหน้าบ้าง
9.28 น.เราใช้เวลา 1 ชั่วโมงในการทำระยะทางลงมาได้ 1.8 กิโลเมตร
11.41 น. เราเดินตรงดิ่งผ่านลงมายังจุดพักสุดท้ายคือ Nakahanba ใช้เวลามาถึงตรงนี้ใน 3.14 ชั่วโมงหรือ 194 นาที
ทางเดินเมื่อลงเขามาขึ้นก็จะเดินผ่านป่าทึบในหุบเขา ไม่ค่อยเห็นวิวอะไรเลย
12.34 น. ในที่สุดเราก็ถึงที่ Bettodeai รวมใช้เวลาลงมาทั้งหมดประมาณ 4 ชั่วโมงครับ
หลังจากนั้นก็รอรถบัสเพื่อมารับเรากลับไปที่ Ichonose camp เพื่อขับรถกลับ สำหรับรอบรถในวันจันทร์ตามตารางจะมีถึงแค่ 15:30 น. เท่านั้น ดังนั้นต้องวางแผนให้ดีนะครับ
สิ่งที่ควรนำติดต่อไป – แนะนำว่าติดตัวไปให้น้อยที่สุด
1.ไม้เท้าเดินป่า จะช่วยมากในช่วงขาลง
2.น้ำดื่มในปริมาณที่เพียงพอ โดยเฉพาะน้ำเกลือแร่เพื่อใช้เพิ่มพลังงาน
3.เสื้อกันลมที่สามารถกันฝนได้ด้วย เนื่องจากบนยอดเขาอากาศหนาว และ ลมแรงมาก
4.กางเกงกันฝนได้
5.ครีมกันแดด หมวก แว่นกันแดด และอะไรก็ตามที่ปกป้องแดด แดดแรงมาก
6.พาสปอร์ต เอกสารประจำตัว
7.ยาประจำตัว
8.รองเท้าผ้าใบดี ๆ สักคู่
9.รองเท้าแตะใช้เดินที่ Murodo Center
10.เงินเยน
11.ถุงพลาสติกใส่ขยะ เพราะไม่มีที่ทิ้งขยะให้ ขยะทุกชิ้นต้องนำลงมาเอง
12.อาหาร ขนมที่ให้พลังงานสูง
13.ไฟฉายคาดหัว สำหรับกิจกรรมยามค่ำคืนเพราะที่นี่ดับไฟตอน 20:30 และสำหรับการเดินขึ้น Summit
สรุป
Fujisan | Hakusan | |
ความสูงของยอดเขา (Summit) | 3,776 m | 2,702 m |
ความสูงที่เปลี่ยนแปลง | 1,471 m | 1,442 m |
ระยะทางไป-กลับ | 12.7 km (Up:5.8+Down:6.9) | 14.4 km (Up:6+1.2+Down:1.2+6) |
ระยะเวลาไป-กลับ | 10.5 Hrs (Up:390+60+Down: 60+140+40) | 8.3 Hrs (Up:290+40+Down:30+140) |
ความยาก | 3.75/5 | 4/5 |
ระยะทางขึ้น Summit จากที่พัก | 1.1 km | 1.2 km |
ความสูงจากที่พักถึง Summit | 379 m | 252 m |
ระยะเวลาจากที่พักขึ้น Summit | 80 minutes | 40 minutes |
น้ำดื่ม | ซื้อหาได้ตลอดทางตามบ้านพักต่าง ๆ | หาได้ตามที่ shelter เท่านั้น และ อีกที่คือ Murodo เท่านั้น |
สิ่งอำนวยความสะดวก | ดีมาก มีอาหาร ห้องน้ำเสียเงิน น้ำตลอดทาง | น้อย ไม่ค่อยดี ไม่มีน้ำขาย มีแต่จุดเติมน้ำ อาหารหาได้บน Murodo เท่านั้น |
สภาพทางเดินขึ้น | ทางเดินขึ้นง่าย มีผ่านการปีนหินบ้าง (Yoshida) | ทางเดินขึ้นยาก ชัน (Kankoshindo) |
สภาพทางเดินลง | ทางเดินลงยาก ลื่น เป็นหินกรวดซิกแซกลงไปใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง (Yoshida) | ทางเดินลงดี ไม่ชันมาก เป็นขั้น ๆ อย่างดี (Saboshindo) |
หวังว่าข้อมูลจะได้ประโยชน์ไม่ใช่น้อย ขอบคุณที่ติดตาม และโปรดแชร์นะครับ
ขอบคุณเพื่อนร่วมทริป อาร์ท น้องจูน น้องตาล น้องไข่เจียว น้องโย
Thank you to join this trip to Kimseng, Hung !
สำหรับคนที่จะมาปีน ควรหาที่พักแถวเมือง Kanazawa นะครับ
โปรดติดตามรีวิวการปีนภูเขาไฟฟูจิได้ต่อไป..
By Oak 180818 Nomi, Ishikawa, Japan
อยากไปจัง สสวยมากเลยค่ะ
สวยมากครับ ควรไปอย่างยิ่ง