Day 4 (13 July 2014): Black Beach (Reynisfjara) – Vikur Kirkja (Vik’s Church) – Skaftárhraun (Lava field) – Fjaðrárgljúfur canyon – Vatnajokull national park – Svartifoss – Hike to Sjónarnípa viewpoint – Svinafell – Fjallsárlón – Jökulsárlón – Jökulsárlón Ice Beach – Hofn
สำหรับเส้นทางของวันนี้ ยาวเลยทีเดียวครับ
สำหรับคนที่เข้ามาใหม่โปรดอ่านตามข้อมูลด้านล่างนี้เพื่อความต่อเนื่องครับ
- แผนการเดินทางไป #ไอซ์แลนด์ 12 วัน 10 คืน | #Iceland #Itinerary 12 Days 10 Nights
- การขับรถท่องเที่ยวในประเทศ #ไอซ์แลนด์ | Driving in #Iceland
- นี่หรือปั้มน้ำมันที่ไอซ์แลนด์?
- การขอวีซ่าไอซ์แลนด์: Iceland Visa
- Iceland Summer 2014: 12 วัน 10 คืนเที่ยวรอบเกาะ 3,000 กิโลเมตร | ตอนที่ 1: การเตรียมตัว และข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับไอซ์แลนด์
ในเช้าวันที่ 4 ของการเดินทาง (13 July 2014) แผนการเดินทางของวันนี้ยาวมาก และแต่ละสถานที่ห่างกันพอสมควรเลยทีเดียว ระยะทางวันนี้ทั้งหมด 311 กิโลเมตรเลยทีเดียว
เริ่มที่แรกกับหาดทรายสีดำ เราขับย้อนทางไปเล็กน้อยไปทางเมือง Vik ครับ จากที่พักเรา Hotel Katla Hofdabrekka เรามาจุดแรกคือ Reynisfjara หาดทรายสีดำ และแท่งหินบะซอลท์ขนาดใหญ่
Reynisfjara หาดทรายสีดำ
จอดรถหน้าหาดเสร็จจะเจอถ้ำหลวง เอ้ย ถ้ำหน้าหาดสีดำ สามารถเข้าไปได้นะครับ ไม่ใช่ถ้ำลึกแต่อย่างใดครับ ตามหน้าผาจะมีนกชนิดต่าง ๆ ให้ดู ถ้าโชคดีจะได้เจอนก Puffin ด้วย แต่ตอนนี้ที่ไปมันว่ายน้ำอยู่ในทะเลครับ
ถ้ำนี้ชื่อ Hálsanefshellir Cave ที่หาดทรายดำ
แท่งหินบะซอลต์ชื่อดัง คนมาถ่ายรูปเยอะเลย แต่ตอนนี้ฝนเริ่มลงแล้ว ต้องรีบไปขึ้นรถ
Vikur Kirkja (Vik’s Church)
หลังจากนั้นเราแวะมาที่โบสถ์ของเมืองวิก เป็นโบสถ์หลังเล็ก ๆ แต่มีความโดดเด่นเพราะตั้งอยู่บนเนินเขาสูง เมื่อมองลงมาเราก็จะเห็นเมืองทั้งหมด ซึ่งมีประชากรอยู่น้อยมากแค่ 318 คนเท่านั้น
โบสถ์เล็ก ๆ ธรรมดา ๆ นี่แหละ
นี่คือเมืองวิกที่ว่า นี่หรือเมือง คนน้อยมาก ๆ ถ้าเรามองไปไกล ๆ จะเห็นแท่งหินที่อยู่ในน้ำ มันคือแท่งหินที่เราเห็นตรงหาดทรายสีดำ
หลังจากนั้นเราขับรถยาวไปจุดต่อไป นั่นคือทุ่งลาวา Skaftárhraun นั่นเอง
Skaftáreldahraun (Lava field)
ที่ตั้ง: https://goo.gl/maps/CYDFAj9udF22
ขับมากลางทางก็จะเห็นรถจอดกันเต็มไปหมดในกลางทุ่งลาวา ที่นี่คือ Skaftáreldahraun (Lava field)
ที่นี่เป็นทุ่งลาวากว้างใหญ่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟที่ชื่อ ลากิ (Laki volcano – Lakagígar)
ที่เป็นสีเขียวคือเป็นมอสปกคลุม นุ่มมากไปนอนเล่นได้เลย
ลาวาจะแยกออกเป็น 2 สาย และในการปะทุของภูเขาไฟครั้งนั้นมีคนเสียชีวิตมากมายด้วย
Fjaðrárgljúfur canyon
ที่มีเป็น unseen อีกที ด้วยความที่หน้าหนาวอาจจะเข้ามาไม่ได้ แต่หน้าร้อนเข้ามาได้แน่นอน ที่นี่คือ ฟจาดรา…. อะไรไม่รู้อ่านไม่ออก แต่เอาเป็นว่าที่นี่สวย
เราจอดรถและเดินไปตามทุ่งหญ้า มันมีอะไรนะที่นี่
พิกัด: ไม่มีพิกัดที่จอดรถบนแผนที่ดังนั้นไปตามนี้ครับ https://goo.gl/maps/whnPd5FAav22

พอเข้ามาเราก็จะเจอ Canyon หรือ หุบเขาที่มีแม่น้ำไหลผ่าน และเมื่อเดินเข้าไปก็จะเจอน้ำตกสวย ๆ ด้วย
จุดนี้เป็นเหมือนชะง่อนผายื่นออกไป น่ากลัวมาก แต่ถ่ายรูปมาแล้วสวยมากด้วย ล่าสุดเขาทำ
น้ำตกสวยงามมาก
อีกมุมมองหนึ่งที่สวยงาม
และจริง ๆ แล้วมีอีกมุมมองคือมุมมองจากด้านล่าง กดแมพไปที่นี่ครับ : https://goo.gl/maps/TSkYuvnTpRz
https://www.instagram.com/p/Bllfzqzgnf7
ใครเอาโดรนมาก็ลองมุมสูงกันหน่อยนะ มันสวยจริง ๆ ว่าถ้าไปรอบหน้าจะเอาโดรนไปถ่ายบ้างละ
ส่วนจากตรงนี้ถ้าหลาย ๆ ที่แจะแนะนำให้ไปที่ Kirkjugólf หรือพื้นหินบะซอลต์ ผมแนะนำว่าถ้าไม่ได้อยากดูมากนักก็ข้ามมันไปได้ครับ มันเป็นพื้นที่มีหินบะซอลต์ แต่ว่ามีที่อื่นอีกมากที่สวย ๆ เช่น Dverghamrar
จากนั้นเรายิงยาวไปตามถนนสาย 1 เพื่อไปสู่อุทยานแห่งชาติธารน้ำแข็งวัตนะโยกุต (Vatnajökull National Park)
Skeiðarársandur
พิกัด : https://goo.gl/maps/NfJDUHiWEdm
จุดนี้เป็นสะพานที่หักจากที่มีภูเขาไฟระเบิดใต้ธารน้ำแข็งนั่นเอง
Vatnajökulsþjóðgarður national park

Vatnajökull (Water Glacier) แปลตรงตัวก็คือธารน้ำแข็งน้ำ 555+ ถือว่าเป็นธารน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในไอซ์แลนด์ ด้วยพื้นที่ 8,100 ตารางกิโลมตร ธารน้ำแข็งนี้ด้วยพื้นที่ของมันใหญ่เป็นอันดับ 2 ในยุโรปรองลงมาจากธารน้ำแข็ง Austfonna ที่ประเทศนอร์เวย์ แต่ที่นี่เป็นที่ 1 ในเรื่องของปริมาตรน้ำแข็ง ซึ่งมีปริมาตรมากที่สุดในยุโรป ด้วยขนาด 3,100 ลูกบาตร์กิโลเมตร และแน่นอนว่าภายใต้ธารน้ำแข็งนี้มีภูเขาไฟซ่อนอยู่มากมายเลยทีเดียว
นี่คือจุดที่เราสามารถเข้าถึงตัวของสายของธารน้ำแข็งได้ง่ายที่สุด เราอยู่จุดที่เรียกว่า Skaftafell Glacier
Edit from: Vatnajokull National Park
ที่นี่เป็นจุดที่ในหน้าร้อนเราสามารถเดินป่าปีนเขา (Hiking) ได้ในหลาย ๆ จุด แต่ขอเสนอเส้นทาง Skaftafell National Park Visitor Centor (1) – Svartifoss (2) – Sjónarnípa (3) (เส้นทาง S6) ระยะทางทั้งหมด 7.4 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครับ เราจะผ่านน้ำตกสวยงาม Svartifoss ซึ่งเป็นน้ำตกที่ไหลผ่านหน้าผาหินบะซอลต์ และจากน้ำตกนี้เขานำไปออกแบบโบสถ์ที่เมืองหลวงอย่าง Reykjavik ซึ่งจะได้เขียนเล่าในโอกาสต่อไป และไปจุดชมธารน้ำแข็งสุดสวยอย่าง จุดชมวิว Sjónarnípa ที่สามารถมองเห็น Skaftafell Glacier ได้อย่างชัดเจน และกลับลงมายัง National Park Center
- National Park Information Center (1)
เป็นจุดที่เราสามารถดูข้อมูลต่าง ๆ ได้ แล้วก็ทานอาหาร น้ำดื่มได้ด้วย จากนั้นเราก็ตุนน้ำ ทานอาหารให้เรียบร้อยแล้วเดินเขากัน เพื่อไปจุดที่ 2 ในแผนที่
- Svartifoss waterfall (2)
เมื่อเดินขึ้นเขามา ซึ่งมาความชันพอสมควร ค่อย ๆ เดินกันนะครับ ระยะทาง 1.5 กิโลเมตร ถ้าร่างกายไม่ดีก็ถือว่าโหดพอสมควร
เมื่อขึ้นมาถึงบนยอด ก็จะเจอภาพนี้ น้ำตกสวยที่ไหลลงมาจากหน้าผา เราสามารถไปไกล้ ๆ ได้ เดินต่อกันอีก
มาดูไกล้ ๆ กันหน่อย สวยมากเลย
- Hike to Sjónarnípa viewpoint (3)
จริง ๆ แล้วก่อนถึงทางลงไปน้ำตก Svartifoss ก็จะเจอแยกที่มีป้ายชี้ไปจุดชมวิว Sjónarnípa แต่ก่อนไปจุดชมวิวอย่าลืมลงไปน้ำตกก่อนนะครับ และเมื่อขึ้นมาแล้วก็เดินตามป้ายไปสบาย ๆ
นี่คือป้ายครับ ระบุชัดเจนว่าเราไปตาม S6 ถ้าใครไหวก็เดินไปต่อกันอีก 2.3 กิโลเมตร ทางรายเรียบสบาย ๆ ครับ เพราะเราขึ้นมาสูงพอสมควรแล้ว
ทางสบาย ๆ ปูด้วยไม้บ้าง เดินบนพื้นบ้าง

ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีจากตัวน้ำตก เราก็จะมาถึงจุดชมวิวอันสุดสวย สวยมาก ๆ เลย อลังการมากธารน้ำแข็งนี้ นี่คือ Skaftafell Glacier มันคือกิ่งสาขาของธารน้ำแข็ง Vatnajokull นั่นเอง จากนั้นเราเดินทางกลับ National Park Visitor Center ตามเส้นทาง Austurbrekkur นะครับ ลงไปอีก 3 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีครับ ทางลงอย่างเดียวเลย ลงไปตามขั้น ๆ เรื่อย ๆ ก็ถึง Visitor Center ครับ
ปลายธารน้ำแข็ง มีทะเลสาบ เราสามารถเดินไปตีนน้ำแข็งจากทางด้านล่างได้ด้วย
- Skaftafell Glacier (4)
อีกเส้นทางที่ง่าย สำหรับคนที่เดินไม่ไหว หรือข้อเข่าไม่ดี สำหรับคนที่มาในหน้าหนาว เพราะในหน้าหนาวอาจจะไปดูน้ำตกไม่ได้ ก็ให้ไปเส้นทาง S1 ซึ่งไปกลับ 3.7 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 – 1.5 ชม. ไม่ต้องปีนเขาใด ๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นน้องกับผมไปตามเส้นทาง S6 ต่อ ส่วนคุณพ่อคุณแม่ผมไปตามเส้นทางนี้ และนี่คือภาพที่เห็นครับ ใครอยากไปตีนธารน้ำแข็งก็ไปได้เลย
เมื่อไปสุดทางจะเจอป้ายนี้ครับ
และสามารถเดินลงไปทางนี้ได้ แต่ต้องระวังมาก ๆ นะเรื่องน้ำแข็งถล่มลงมา
ภาพข้างบนนี้เมื่อปี 2014
ภาพข้างบนนี้เมื่อปี 2011 ตอนที่ไปครั้งแรก
ลองดูนะครับว่าธารน้ำแข็งนะครับว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเท่าไหน
หรือใครอยากไปเดินกับทัวร์ก็เชิญที่นี่ครับ Skaftafell Glacier Tour – ทัวร์เดินสำรวจธารน้ำแข็ง 5.5 ชั่วโมง จากอุทยานแห่งชาติสกัฟตาเฟลล์
หลักจากนั้นเราไปแวะแต่ที่อีกธารน้ำแข็งนึงคือ Svinafells Jökull
Svinafellsjökull Glacier
พิกัด: Svinafellsjökull Glacier เป็นอีกธารน้ำแข็งนึงของสาขาของ Vatnajokull ครับ ไม่ไกลจาก Skaftfell มากนักเช่นกัน
Fjallsárlón
ที่นี่เป็นทะเลสาบธารน้ำแข็งอีกที่ที่มีความสวยงาม แต่ว่าคนหลายคนจะเลยไป Jökulsárlön กันหมด

แต่ความสวยงามก็ไม่แพ้กันเลย อีกทั้งคนก็น้อยกว่า ตัวธารน้ำแข็งก็จะเห็นได้ไกล้กว่ามาก
Jökulsárlón






จากนั้นไปล่องเรือกันครับ ควรใส่เสื้อกันหนาว เพราะว่ามันหนาวมาก สนนราคาตามราคาด้านล่างครับ มีเรือ 2 แบบ แบบที่เห็นในภาพคือเรือแบบสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก และมีเรือแบบ RIB zodiacในราคาที่แพงกว่า
ข้อมูลเพิ่มเติม :http://icelagoon.is/
ตอนออกเรือไปอาจจะเจอเพื่อนอุ๋ง ๆ นะครับ
ส่วนน้ำแข็งนี้เรือเล็กจะไปกวาดน้ำแข็งมาจากไหนไม่รู้ มาให้เรากินครับ เขาบอกว่าเป็นน้ำแข็งอายุ 1,500 ปี ตามชั้นน้ำแข็งที่ทับถมกันมานั่นเอง
Jökulsárlón Ice Beach (Diamond Beach)
เมื่อข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามของ Jökulsárlón เราก็จะมาถึง Diamond Beach เป็นหาดทรายสีดำที่จะมีก้อนน้ำแข็งจากทะเลสาบลอยมา แล้วมาเกยฝั่งตรงนี้ สวยงามดีครับ ถ้าโชคดีบางครั้งเราอาจจะเจอก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ได้

ก้อนขนาดใหญ่อยู่ในทะเล ไม่กล้าเข้าไป

Höfn
พอเสร็จจากที่ Jökulsárlón เราก็เดินทางยาวไปนอนที่เมือง Höfn ครับ
โดยเราพักที่: House on the hill
เป็นอันจบวันนี้ครับ โปรดรอติดตามตอนต่อไปได้ครับ ที่นี่