Day 3 (12 July 2014): Snow Mobile in Myrsdalsjokull – Skogarfoss – Seljalandsfoss – Soheimajokull – Kirkjufjara beach -Dyrhólaey- Vik
สำหรับแผนที่การเดินทางในวันนี่ครับ
สำหรับคนที่เข้ามาใหม่โปรดอ่านตามข้อมูลด้านล่างนี้เพื่อความต่อเนื่องครับ
- แผนการเดินทางไป #ไอซ์แลนด์ 12 วัน 10 คืน | #Iceland #Itinerary 12 Days 10 Nights
- การขับรถท่องเที่ยวในประเทศ #ไอซ์แลนด์ | Driving in #Iceland
- นี่หรือปั้มน้ำมันที่ไอซ์แลนด์?
- การขอวีซ่าไอซ์แลนด์: Iceland Visa
- Iceland Summer 2014: 12 วัน 10 คืนเที่ยวรอบเกาะ 3,000 กิโลเมตร | ตอนที่ 1: การเตรียมตัว และข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับไอซ์แลนด์
เช้าวันที่ 3 ของการเดินทาง (12 July 2014) เช้าวันนี้เรามีโปรแกรมไปขี่ Snow Mobile บนธารน้ำแข็ง Myrdalsjokull Glacier กันครับ โดยเราใช้บริการของ Arcanum ซึ่งเป็นที่พักในคืนที่ผ่านมาของเรา แต่เช้าวันนี้สภาพอากาศไม่ค่อยเป็นใจ มีฝนโปรยปรายลงมาอย่างหนัก มองไม่เห็นอะไรเลยครับ
Snowmobile Tour ตะลุยธารน้ำแข็ง
เมื่อถึงเวลาเราก็เข้าไปฟังกฎกติการ รวมถึงแต่งชุดกันลมกันฝน พร้อมบูทให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง ที่นี่เขามีแจกให้นะครับ ปล. เราต้องมี International Driving License ด้วยนะครับ
ในการเดินทางไปยังธารน้ำแข็ง พวกเราต้องนั่ง Big Jeep แบบนี้ขึ้นมาครับ
เมื่อถึงตีนธารน้ำแข็ง snow mobile ก็จอดรอเราอยู่เรียบร้อยแล้ว
จะเอาคันไหนเลือกเลยครับ นั่งได้ 2 คนนะ (ปกตินั่ง 2 คนจะถูกกว่า)
สอนวิธีการขับกันก่อนครับ ขับไม่ยากเหมือนขับมอเตอร์ไซด์ มีการหมุนคันเร่ง แล้วก็เบรก การเลี้ยวก็เหมือนมอเตอร์ไซด์เลยครับ สนุกดี
จากนั้นก็แว้นซ์กันไปครับ ให้ความรู้สึกเหมือนขับมอเตอร์ไซด์ สนุกดีครับ






Source: https://www.arcanum.is/
ในวันที่ฟ้าเปิดหน่อยก็จะสวยแบบนี้แหละครับ เราไปวันที่มีหิมะตกบนธารน้ำแข็งก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบครับ
บรรยากาศเส้นทางครับ จะพาไปรอบ ๆ ธารน้ำแข็ง Myrdalsjokull Glacier จากนั้นหัวหน้าทีมก็จะอธิบายความเป็นมาของธารน้ำแข็งว่า จริง ๆ แล้วใต้ธารน้ำแข็งมันมี…..ภูเขาไฟนั่นเอง
โดยรู้หรือไม่ว่าธารน้ำแข็งแห่งนี้ซึ่งมีความหนาระหว่าง 500 m – 1000 m มีภูเขาไฟขนาดใหญ่ชื่อ Katla อยู่ด้วย
Credit: volcano.si.edu
เมื่อภูเขาไฟนี้ระเบิด หรือมีกิจกรรมทางภูเขาไฟ จะทำให้น้ำแข็งละลายออกมาเนื่องจากความร้อนสูงใต้ธารน้ำแข็ง ทำให้เกิดปริมาณน้ำจำนวนมากไหลท่วม โดยเมื่อปี 2011 ที่ผ่านมามีการปะทุของภูเขาไฟใต้น้ำแข็งทำให้ถนนสาย 1 ถูกตัดขาดนั่นเอง
ลองดูวีดีโอสวย ๆ จากทัวร์ Arcanum ครับ แทบจะอยากกลับไปซ่อมเลย ^^
เมื่อเราเสร็จจากกิจกรรม Snowmobile tour แล้ว เราก็ไปกันต่อยังน้ำตกที่เมื่อวานเราขับผ่านมา ตรงจุดนี้จะเป็นการย้อนเส้นทางนะครับ เราจะไปกันยังน้ำตกชื่อดังคือ Skógafoss (จุด B) และ Seljalandsfoss (จุด C) หลายคนอาจจะงงว่าทำไมเราย้อนเส้นทาง เพราะเราข้ามมาในวันก่อนครับ ความเดิมในตอนที่แล้ว (“ตามแพลนแรกเราต้องแวะน้ำตก Seljalandsfoss และ Skogarfoss แต่เนื่องจากอากาศที่ปิดและสมาชิกข้อนข้างเหนื่อยกันแล้วเราเลยตรงเข้าที่พักครับ ที่ทำได้เพราะแพลนวันต่อไปจะเที่ยวระแวกนี้ สถานที่แต่ละอันไม่ไกลกันมากครับ เลยขอข้ามไปก่อนนะ”)
Skógafoss น้ำตกใหญ่สุดสวย
ที่แรกครับ Skógafoss น้ำตกขนาดใหญ่สวยงาม แต่ก่อนเข้าชมน้ำตกเราแวะทานอาหารกลางวันที่ร้านแถวนั้นครับ ซึ่งมีร้านเดียวเท่านั้น (เลือกไม่ได้ 555+) นั่นคือร้านอาหารของ Hotel Skogafoss นั่นเองครับ อยากบอกว่าจะหาร้านอาหารได้เป็นเรื่องยากลำบากมาก ๆ เพราะแต่ละเมืองอยู่ห่างไกลกัน บางเมืองแทบไม่มีร้านค้าเลยครับ
อาหารมือกลางวันของพวกเรา เบอร์เกอร์เนื้อ ปลาเทร้าต์ ไก่ยาง ปลาแซลม่อน และ ขนมปังฟรีเติมไม่อั้นครับ
เมื่อได้เวลาหลักจากทานอาหารเสร็จเราก็ไปตะลุยน้ำตกกันครับ Skogarfoss เป็นน้ำตกที่มีความสูง 60 เมตร และ กว้าง 25 เมตร เป็นน้ำตกขนาดใหญ่สามารถมองเห็นได้จากระยะไกลเลย
เราสามารถเดินเข้าไปถ่ายรูปไกล้ ๆ ตัวน้ำตกได้เลยครับ และถ้าลองสังเกตดี ๆ เราจะสามารถขึ้นไปชมน้ำตกได้ด้วยครับ โดยทางบันใดด้านขวาของตัวน้ำตกครับ
และที่ด้านบนของตัวน้ำตกเราสามารถชมลำธารน้ำที่ไหลลงมาได้ เหมือนในภาพครับ สวยมากนะแนะนำให้ขึ้นไปด้วยครับ
น้ำตกมีความทรงพลังดีครับ ชอบมาก ๆ ครับ
หลังจากนั้นขับรถย้อนกลับไปอีก 30 กิโลเมตรหรือ 30 นาทีเราก็จะพบกับ Seljalandsfoss
Seljalandsfoss น้ำตกสูงสวย สามารถลอดไปหลังตัวน้ำตกได้
เป็นน้ำตกที่มีความสูง 60 เมตร แต่ไม่กว้างเท่าไร แต่จุดเด่นของน้ำตกนี้คือเราสามารถเข้าไปถ้ำด้านหลังของตัวน้ำตกได้ ทำให้ถ่ายภาพได้สวยงามมากครับ
เราสามารถเดินอ้อมมาหลังน้ำตกแบบนี้ได้ครับ แต่ควรพกเสื้อกันฝนมา เพราะน้ำตกข้อนข้างแรง กระแทกหินด้านล่างทำให้มีละอองน้ำกระจายไปทั่ว เปียกสิครับ
พอถึงตรงนี้แล้วหลายคนก็จะขับรถออกไปจากตัวน้ำตกเลย แต่รู้หรือไม่ว่าจริง ๆ แล้วมี Hidden secret อยู่ที่นี่ นั่นก็คือ Gljúfrafoss หรือ Gljúfrabúi
Gljúfrabúi น้ำตกที่ซ่อนตัวอยู่หลังหน้าผา
ผมเชื่อว่าหลายรีวิว หรือแม้แต่ตามหนังสือแทบไม่มีใครเขียนถึงน้ำตกนี้เลยครับ เพราะส่วนใหญ่จะรู้จักกันแต่ Seljalandsfoss แต่ที่นี่เป็น Iceland Secret อีกที่หนึ่งครับ
เป็นน้ำตกที่ซ่อนตัวอยู่ในหน้าผา ทางเดินเข้าไปข้อนข้างลื่นมาก ๆ ต้องระวังเป็นพิเศษนะครับ รองเท้าไม่ดีไม่แนะนำให้เข้าไป ควรเป็นรองเท้าที่กันน้ำได้ด้วยครับ ไม่งั้นเปียกเช่นกัน
ที่นี่คือ Hidden gem อย่างแท้จริงครับ ใครมาแถวนี้ต้องแวะมานะครับ ห่างกันไม่ไกลสามารถเดินไปมาจากน้ำตก Seljalandsfoss หรือขับรถไปจอดที่ campground ได้ครับ
พิกัด : https://goo.gl/maps/dumnPMMcek92
จากนั้นเราออกเดินทางกันต่อโดยกลับไปทางเมือง Vik และแวะชม Eyjafjallajökull Erupts Museum ครับ
Eyjafjallajökull Erupts Museum ภูเขาไฟระเบิดครั้งล่าสุดทำให้การบินทั่วยุโรปปั่นป่วน
Credit: http://www.katlageopark.com
เป็นที่น่าเสียดายว่าพิพิธภัณฑ์นี้ได้ปิดตัวลงเมื่อต้นปีที่ผ่านมา (2018) แต่เป็นอีกจุดที่ควรแวะ ตั้งอยู่ระหว่างกลางทางของน้ำตก Seljalandsfoss กับ Skogarfoss จะเป็นลักษณะเหมือนบ้านเล็ก ๆ อยู่ด้านขวา ส่วนตัวภูเขาอยู่ด้านซ้ายมือครับ สามารถเดินข้ามไปถ่ายรูปที่ป้ายได้ ที่ว่าควรแวะก็เพราะว่าภูเขาไฟ Eyjafjallajökull ชื่อเรียกยากมาก ถ้าจะสะกดคือ อัยจะเฟียตละโยกุต นั่นเอง ถึงชื่อจะอ่านจาก แต่ความสำคัญของภูเขาไฟนี้ก็คือในปี 2010 มีการระเบิดของภูเขาไฟนี้เกิดขึ้น แต่ทำให้โลกปั่นป่วนมาก เนื่องจากเถ้าถ่านได้ปลิวไปทั่วโลกเลยทีเดียว
Credit: Wikipedia
Credit: Wikipedia
ทำให้เครื่องบินกว่า 95,000 เที่ยวในช่วงระหว่างวันที่ 15 – 23 เมษายนปี 2010 ถูกยกเลิกไปโดยปริยาย
หมู่บ้านหลังคาแดงเล็ก ๆ นี้สามารถรอดจากการระเบิดของภูเขาไฟมาได้ แต่เถ้าถ่านที่ปกคลุมทำให้ต้องทำความสะอาดใหญ่เช่นกัน
ด้านในจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการระเบิดในครั้งนั้นครับ จากนั้นเราจะไปเดินบนธารนำแข็งกันกับกิจกรรม Glacier Walk แต่ก่อนอื่นเราไปดู Iceland Secret อีกอันที่ตอนแรกจะแวะไป แต่ด้วยอากาศฝนตกขนาดนี้เลยข้ามครับ
Iceland Secret: Seljavallalaug สระน้ำกลางหุบเขา
หากมีเวลาแล้วสามารถเดินได้ที่นี่ก็เป็นอีกที่ที่ควรแวะ มันคือสระน้ำร้างกลางหุบเขา ตอนแรกจะใช้เพื่อในการสอนชาวประมงในการว่ายน้ำในทะเล แต่ท้ายที่สุดก็ต้องปิดตัวลงเพราะน้ำทะเลเย็นขนาดนี้ชาวประมงที่ไหนจะว่ายจริงมั้ยครับ สำหรับสระน้ำนี้เป็นน้ำร้อนธรรมชาติอยู่ใจกลางหุบเขา พื้นสระจะลื่นนิด ๆ ไม่ไกลจาก Erupts Meseum เท่าไรนัก แต่ต้องเดินเท้าเข้าไป 20 นาที ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใด ๆ มีแค่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเท่านั้น แต่บรรยากาศดีสุด ๆ เลย
พิกัด : https://goo.gl/maps/kfQUeheNA6F2
Sólheimajökull Glacier Walk เดินบนธารน้ำแข็ง (จุด D)
ผมใช้บริการของเจ้าเดิมครับ 9,490 ISK ณ ปัจจุบัน ขับรถไปตาม GPS เพื่อไปยังธารน้ำแข็ง Sólheimajökull ชื่ออ่านยากอีกแล้ว จนถึงปัจจุบันก็ยังอ่านไม่ออก เพื่อไปฟังบรีฟว่าจะต้องทำอะไรบ้าง สิ่งที่ต้องเตรียมมาคือรองเท้าดี ๆ ควรเป็นรองเท้าผ้าใบหุ้มส้น เพราะต้องใส่ Crampon มันคือที่ใส่ไปกับรองเท้ามีแหลม ๆ เอาไว้แทงน้ำแข็ง ไม่งั้นลื่น นอกจากนั้นควรมีเสื้อและการเกงกันเปียก เพราะน้ำแข็งมันละลาย มันเปียกมากเลยแหละ
เมื่อดูวีดีโอนี้จะเข้าใจครับว่ามีกิจกรรมอะไรบ้าง เราเดินเท้านิดหน่อยเพื่อไปตีนธารน้ำแข็ง และเราใส่ Crampons + หมวกกันน็อค พร้อมกับขวานฟันน้ำแข็งแล้วลุยกันเลย
โดยส่วนตัวคิดว่าธารน้ำแข็งนี้มันไม่ค่อยสีขาวเท่าไร เนื่องจากมันมีฝุ่นลาวาสีดำเกาะตามน้ำแข็งเป็นจำนวนมาก ภาพที่ถ่ายออกมามันจะดำ ๆ หน่อยนะ
แต่ก็จะมีไฮไลท์ก้คือเราสามารถเข้าไปในโพรงน้ำแข็งได้ ซึ่งมีสีฟ้าสวยงามมากครับ
https://www.instagram.com/p/Bg_b9ligL3D/เมื่อเสร็จแล้วเราไปจุดหมายต่อไปที่ห่างออกไปอีกเล็กน้อยนั่นคือ Kirkjufjara beach (จุด E) ครับ
Iceland Secret – Solheimasandur Plane Wreck
ระหว่างทางไป Vík จะมี Secret อีกที่ ที่นี่เป็นอีกหนึ่งใน Secret ของที่นี่ มันคือซากเครื่องบินตกนั่นเอง ในปี 1973 ทหารเรืออเมริกาขับเครื่องบินผ่านมาแถวนี้ปรากฎว่าน้ำมันหมดทำให้เครื่องบินตก แต่โชคดีที่ผู้โดยสารไม่ได้รับอันตรายถึงชีวิต สุดท้ายก็พบสาเหตุที่แท้จริงก็คือกดสวิตช์ถังน้ำมันผิดนั่นเอง
การจะเข้ามาถึงที่นี่ได้ต้องจอดรถริมถนน และเดินเข้ามาประมาณ 4 กิโลเมตรครับ เป็นจุดยอดฮิตสำหรับการถ่ายรูปมาก ๆ เลย
พิกัด : https://goo.gl/maps/tMRKvGXzaJ72
Kirkjufjara beach ชายหาดทะเลทรายสีดำ และ หน้าผา
ณ จุดนี้เป็นวิวริมทะเลครับ ซึ่งเราสามารถดูวิวได้สุดลูกหูลูกตา วิวด้านซ้ายจะเห็นหาดทรายสีดำยาวสุดลูกหูลูกตา ส่วนวิวด้านขวาเป็นหน้าผาหิน ซึ่งเราสามารถมองเห็นหินทะลุ Dyrhólaey ได้จากจุดนี้ครับ และถ้าลองสังเกตตามหน้าผาอาจจะพบเจอนกสวย ๆ และหนึ่งในนั้นคือนก Puffin ที่กำลังตามหาอยู่ก็เป็นได้
Dyrhólaey ผาหินทะลุ และ ประภาคาร
ไม่ไกลกันนัก เราขับรถขึ้นภูเขามาตามทางเพื่อมาดูวิวสวย ๆ ด้านบนกันบ้าง ตรงจุดนี้มีประภาคารตั้งอยู่ ริมหน้าผามีนกนานาชนิด และ มีภูเขาหินที่ยืนไปในน้ำและมีโพรงข้างใต้ ณ จุดนี้จะได้เจอนกมากมายครับ
ณ จุดนี้ลมแรงมากครับ เวลาเปิดประตูรถจับไว้แน่น ๆ เลยละ ไม่งั้นประตูหลุดได้นะเออ ! หลังจากนั้นเรามุ่งหน้าไปยังที่พักที่เมือง Vïk ครับ
Vík
เมื่อจบวันเราเดินทางเข้าพักผ่อนที่ Hotel Katla Hofdabrekka ครับ โรงแรมนี้มีน้ำร้อนให้แช่ด้วย ดีมากเลย
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะครับ ถ้ามีอะไรอยากถาม Inbox มาในเพจได้เลยครับ ยินดีตอบทุกคำถามเลย ^^
Story: Oak
ทางไปจองทัวร์ถ้ำน้ำแข็งภูเขาไฟ Katla จากเมือง Vik – กดที่นี่
ทางไปจองทัวร์ถ้ำน้ำแข็งภูเขาไฟ Katla จากเมือง Reykjavik – กดที่นี่
ทางไปจองทัวร์ปีนธารน้ำแข็ง Sólheimajökull – กดที่นี่
ทัวร์ชายฝั่งตอนใต้และเดินสำรวจเส้นทางธารน้ำแข็ง 2 วัน จากเมืองเรคยาวิก – กดที่นี่