Asia Japan Travel

เที่ยวญี่ปุ่นกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ ^^ ตอนที่ 1 : 3 ตลาดดัง Shibuya – Harajuku – Shinjuku

ย้อนไปเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2550 ผมได้มีโอกาศไปญีปุ่น(อีกแล้ว) นับว่าเป็นการไปครั้งที่ 4 ของผมครับ ครั้งแรกเลยมาตั้งแต่เด็ก ตอนนั้นไปเข้าค่ายเยาชนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่เกาะใต้คิวชู ครั้งนั้นผมได้ไปปีนเขา นอนเต๊นท์ด้วยแหละ ครั้งที่ 2 มาเที่ยวกับครอบครัวครับเที่ยวตั้งแต่โตเกียวแล้วไปบินกลับที่ Osaka ส่วนครั้งที่ 3 ก็ไปค่ายเยาวชนอีกแล้วที่เมืองFukuoka ครับ ครั้งนั้นไปตอนช่วงปีใหม่ที่นั่นหิมะตกหนักมากมาย สวยมากๆเลยและครั้งนี้เป็นโอกาศอันดีที่ได้มาเนื่องจากปีที่แล้วเป็นปีที่ไทย – ญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์ทางการทูตกันมาแล้วกว่า 120 ปีครับ

ด้วยเครื่องบินของสายการบินไทยเที่ยวบินที่
TG9xx จำไม่ได้แล้วบินตอน 10 โมงเช้า ถึงญี่ปุ่นก็เย็นๆพอดี

นี่คืออาหารบนเครื่องครับผม ก็ปกติไม่มีอะไร ^^

ระหว่างอยู่บนเครื่องก็เอาสายรถไฟที่ญี่ปุ่นมีมากมายหลายสายมาศึกษากันครับ

และในที่สุดก็บินถึงฝั่งของญี่ปุ่นครับ รูปนี้สวยดีๆ ตอนเครื่องกำลังเลี้ยว

และแล้วก็มาถึง Narita International Airport เป็นที่เรียบร้อย

มีรถบัสจากทางการมารับครับ

งานฉลอง

ที่งานเลี้ยงต้อนรับครับ

ฝั่งไทยมอบของที่ระลึกให้กับทางญี่ปุ่นครับ

ที่พักของผมอยู่ในศูนย์เยาวชนครับ ศูนย์เยาวชนที่นี่ใหญ่มากๆ มีที่พักของพวกพี่เี้ยงแยกจากเด็ก แล้วก็มีห้องอบรมสัมมนาเยอะมาก ใหญ่มากจิงๆ ที่ที่ผมพักในวันนี้เนื่องจากเป็นเยาวชนที่ห้องพักไม่มีห้องน้ำในตัวครับ แต่ต้องไปอาบน้ำรวม!!! โอ้วมายก็อด!!!และเนื่องจากมีเวลาเปิดปิด พวกผมก็ต้องรีบไปอาบน้ำกันก่อน

บรรยากาศในการอาบน้ำก็อย่างว่าแหละครับ อาบน้ำรวมแบบญี่ปุ่นก็นะ ต้องแก้ผ้าหมด ไม่ให้เหลืออะไรเลย เอาเข้าไปได้แค่ผ้าปิดตรงนั้นผืนเล็กๆ

ก่อนอื่นเลยคุณต้องถอดทั้งหมดเอาไปใส่ไว้ในตระกร้าตรงนั้น แล้วก็ต้องมั่นใจกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่แล้วก็เข้าไปอาบเลย อายอะไรกันครับ?

ใส่ไว้แบบนี้ครับ

ก่อนที่จะลงไปอาบน้ำในบ่อต้องมาทำการล้างตัวก่อนครับ(ภาพข้างบนเพื่อประกอบความเข้าใจ ผมไม่อาจกล้าที่จะเอากล้องเข้าไปถ่ายข้างในครับ)

จากนั้นเราสามารถ Enjoy Bathing ได้เลย หุหุ

เพื่อความสบายตัวแช่ 10 – 15 นาทีก็พอครับ แล้วกลับขึ้นมาล้างตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็พร้อมออกลุยต่อ !!

เนื่องจากที่พักของผมอยู่ไกล้ Shibuya ในระยะที่เดินได้ 20 นาทีก็เลยตัดสินกันเดินเล่นหลังจากอาบน้ำเสร็จ อากาศในเดือนตุลาคมเย็นสบายครับ ประมาณ 15 – 25 องศาเซลเซียส ไม่้ร้อนไม่หนาวครับ

แผนที่ย่าน Shibuya ครับ

ตอนที่มานี่ข้อข้างดึกแล้วครับ แต่แสงไฟก็ยังเยอะอยู่

อันนี้เป็นร้านเกมส์ครับ มีตู้เกมส์ให้เล่นมากมายหลายเครื่อง แต่ถึงเป็นร้านเกมส์แบบนี้เขาก็ไม่อนุญาติให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเข้าไปนะครับ เพราะในทริปนี้มีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีมาด้วยครับ อดๆ

เดินมาเรื่อยๆก็เจอร้านอาหารน่ากินก็เลยแวะครับ

ไอ้ No.1 ไม่แน่ใจว่ามันเป็นร้านเบอร์1ในย่านนี้หรือไม่อ่ะ ^^ แต่ดูจากคนในร้านแล้วก็น่าจะเป็นเช่นนั้นมั้งครับ ก็เลยกินก็ได้ว่ะ

ไม่ต้องห่วงครับว่าพูดภาษาญี่ปุ่นเป็นหรือไม่เป็นเพราะร้านนี้ใช้ระบบตู้กดครับ

รูปข้างบนมันจะมีเบอร์ตามอาหารต่าง ๆ เราก็มากดเลือกตามเบอร์ครับ แล้วเราก็หยอดเงินเข้าไป จากนั้นก็จะได้เป็นกระดาษแผ่นเล็กๆมา แล้วก็ยื่นไปให้คนในร้านได้เลย

บรรยากาศในร้านเมื่อนั่งโต๊ะครับ

แอบถ่ายคนที่มากิน ดูน่ารักดีคู่นี้

อาหารของผมครับ จานนี้ 650 เยน ตามด้วยเบียร์Asahi เย็นๆอีก 350 เยน รวมเป็น 1000 เยนพอดีเลย ตกเมืองไทยก็ 300 บาทครับ

พอทานอิ่มก็เดินกลับล่ะครับ เพราะพรุ่งนี้ยังต้องมีอะไรให้ทำอีกมาก

ตอนเดินกลับก็มาเจอตู้กดน้ำ Pop machine ที่ญี่ปุ่นมีเครื่องนี้วางอยู่แทบทุกที่เลยครับ เครื่องนี้ตั้งอยู่ในบริเวณที่พักผม

เครื่องนี้เด็ดครับ มีอาหารทุกอย่างเลย น่ากินทั้งนั้น แต่คืนนี้ยังไม่ได้ทดลองเครื่องนี้ครับ ไม่รู้ว่ามันจะออกมาเป็นยังไง

ถ้าอยากรู้ติดตามตอนต่อไปนะครับ ^^

6 ตุลาคม 2550

วันนี้ตอนเช้าก็ว่างๆไม่รู้จะไปไหนดี แต่ด้วยความที่ที่พักของผมมันอยู่ติดกับ Shibuya ในทางทิศใต้ ในทางทิศเหนือนั้นติด Shinjuku แล้วก็ทิศตะวันออกติด Harajuku

ก็เลยตกลงกันว่าเช้านี้จะไปเดินเล่น Harajuku กันก่อน

ตอนตุลาคมเป็นช่วงเริ่มของหน้าฤดูใบไม้ร่วงครับ ใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง แต่ว่าต้นนี้มันไม่ค่อยเปลี่ยนมากเท่าไร

ตอนนี้เราเดินมาหน้าสวนชื่อ Yoyogi ครับ ซึ่งจากที่ยืนอยู่คือด้านล่างสุดของแผนที่ แล้วก็ที่พักพวกเราอยู่ตรงมุมด้านซ้ายล่างครับ พวกเราก็เดินทะลุยาวไปฮาราจุกุเลย ซึ่งฮาราจุกุนั้นคือจุดที่อยู่ด้านบนแผนที่

พอทะลุสวนออกมาก็ถึงสถานี Harajuku ครับ เป็นสถานีรถไฟ JR – Japan rail สาย Yamanote ซึ่งจะวนรอบโตเกียวเลยทีเดียว รูปข้างบนทีมของผมครับ

ถนนหลักครับ Takeshita street ที่ Harajuku

พอเข้ามาใน Harajuka เพื่อนๆคุ้นๆร้านนี้กันมั้ยครับ

ร้านนี้ก็คือร้าน Daiso ครับ ขายของทุกอย่าง 100 เยน สาขานี้ใหญ่มากๆ ครับมีหลายชั้นด้วย สำหรับที่เมืองไทยมีร้านนี้ครับ แต่ว่าขายของแพงกว่า คือ 60 บาท หรือประมาณ 200 เยนเลยทีเดียว

ร้านเครปครับ เดินผ่านไปก่อนเดี๋ยวกลับมากินครับ

เสื้อผ้าวัยโจ๋ก็มีให้เห็นกัน

ของที่จะเอาไว้มาแต่งคอสเพลย์กัน ที่นี่ตอนวันอาทิตย์ครับเขาจะมีการมาเดินโชว์คอสเพลย์กัน

เซบงอีเลบง – เซเว่นอีเลฟเว่นครับ

ป้าย Harajuku อุอุ

ลูกทีมกินกันอย่างอร่อยเชียว

ช็อปกันต่อที่ Daiso


สัมภาษณ์ป้าเพียนหลังจากละลายทรัพท์ในร้าน Daiso

ของขายใน Harajuku แบบนี้ก็มีด้วยนะ เทพสาด

น้องสองคนนั้นเขายังใส่ชุดนอนมาเดินเลย เหอๆ

จากนั้นก็ต่อด้วยอาหารกลางวัน

กินที่ร้าน Yashinoya เป็นร้านอาหารราคาถูกครับ ทั้งหมดนี้ 530 เยน (160 บาท)

มีข้าว ซุป สลัด หมู และ ปลาแซลมอนครับ น่ากินมั้ยล่ะ

พอทานเสร็จก็เดินกลับไปที่พักครับ เพื่อรอไปพิธีเปิดงาน CISV 50th anniversary

นี่คือ JR Yamanote ที่วิ่งเป็นวงกลมในโตเกียว รถไฟจะมีสีเขียวครับ

ด้วยความที่กลัวว่าจะหลับเข้างานไม่ทัน พวกเราก็เลยจำเป็นต้องลงใต้ดินครับ สถานีที่เราอยู่ตรง Harajuku ถ้าเป็นใต้ดินนั้นจะอยู่ไกล้สถานี Meiji – jingu ครับ ไอ้ Meiji-jingu นี่มันคือศาลเจ้าเมจิครับ ซึ่งวันนี้ไม่มีเวลาแวะไป แต่ในทริปนี้วันหลังๆผมจะพาไปครับ

เราต้องการเดินทางจากสถานี Meiji-jingu ไปยัง Yoyogi-koen

ป้ายบอกทางก็มีภาษาอังกฤษกำกับครับ ดีไป

ช่วงบ่ายของวันนี้จะมีพิธีการเปิดงานครับฉลอง 50 ปีของ CISV ญี่ปุ่นครับ ซึ่งผมจะขอข้ามยาวไปเลย

ช่วงพักเราก็ออกมาหาอะไรทำเล่นกัน อย่างที่สัญญา

เรามาดูกันว่าถ้าเราลองกดแล้วจะได้อะไร ผมอยากกินเจ้าทาโกะยากิ ซึ่งอยู่ซ้ายบนอันนั้นแหละ ผมก็เลยลองดูว่ามันจะออกมาเป็นยังไงให้ผม

หลังจากนั้นเครื่องมันบอกว่าขอเวลา 2 นาที

.

.

.

เวลาผ่านไป เรื่อยๆ ผมก็ได้แต่นั่งคิดว่าอ่อมันคงทำทาโกะยากิอยู่ในนั้นมั้ง

.

.

และแล้วก็ได้มันออกมาแบบนี้ครับ อุ่นซะให้ร้อนเลย

ภายในกล่องครับ น่ากินมั้ยล่ะ มีน้ำจิ้ม มีสาหร่ยให้โรยพร้อมเลยครับ


ช่วงหัวค่ำ

ช่วงหัวค่ำวันนี้จะมีโปรแกรมไปยัง Shibuya และ Shinjuku ครับ

ร้าน GAP ร้านใหญ่ใน Shibuya

ร้านอื่นไม่เข้า มาเข้าร้านนี้กัน เห้อ…. ปล่อยน้องๆผู้หญิงให้ Enjoy กับ Disney ไปครับ

ร้าน Loft ที่ Shibuya ครับ ที่ทุกคนรู้จักกันดีครับ

ดูหนังฟังเพลงต้องร้าน HMV เลยครับ

ฮันแน่ๆๆๆๆ มีร้านอาหารไทยกับเขาด้วย

แสงสีสวยงาม และ คนมากมายครับ

มื้อเย็นของผมเป็นข้าวแกงกะหรี่ที่มีให้เลือกมากมายหลายหน้า เลือกขนาดของจานได้ แล้วก็เลือกความเผ็ดได้ด้วย เช่นผมสั่งขนาด M เพราะผมไม่อยากกินมา ความเผ็ดของผมขอเป็นกระต่ายก็พอ เพราะไม่ชอบเผ็ด ก็ดูเอาเองว่าชอบกินหน้าไหนกัน มีให้เลือกเยอะมากมาย

เป็นหน้าเนื้อหมู แล้วก็จะมีชีสผสมอยู่ด้วยครับอันนี้

และอีกไม่กี่นาทีต่อมา

หมดแล้วครับ อร่อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย สาดดดดดดดดดดดดด อ่ะ

เมื่อท้องอิ่มก็เดินเที่ยวกันต่อไปเลยครับ

เดินมาที่แยก Shibuya เป็นจุดที่มีคนเดินข้ามถนนมากที่สุดในโลกครับ จุดนี้ในเรื่อง Tokyo Drift ถ้ายังจำกันได้จะมีฉากที่รถ 2 คันมันแข่งกันมา แล้วรถพระเอกนี่แหวกหลบคนที่กำลังข้ามถนน จุดนี้แหละครับ

ไป JR Shibuya station ครับ เพื่อจะนั่งขึ้นไป Shinjuku

คนเป็นล้านเลยครับ

แผนที่เดินรถครับ มีป้ายชี้ว่าเราอยู่ตรงแดงๆนั้น ส่นชินจูกุคือขึ้นไปตามสายวงกลมสีเขียวนั่นเอง

เบียดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดเสียด

ลงมาได้แล้วๆๆๆๆ แทบตาย ตอนนี้ถึง Shinjuku แล้วครับ

สถานีอันนี้ใหญ่มากๆๆๆๆๆเลยครับ อาจจะทำให้หลงได้

แผนที่ Shinjuku วันนี้เราจะไปด้านขวา-บน คือ Kabuki-cho

โผล่ออกมาก็เจอร้าน Sakuraya ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าชื่อดังของที่นี่ครับ

สีสันสวยงามครับ ไม่แพ้ที่อื่นเลย

ไกล้ๆกับชินจูกุมีย่านชื่อ Kabukicho ครับ ถ้าเทียบล่ะก็เหมือนพัฒน์พงษ์บ้านเรา

ในรูปถ้าใครอยากได้ DVD อย่างว่าเชิญชั้น 2

เข้าไปตรงนั้นกันหน่อย

ร้านอะไรเนี่ย Super angle ข้างๆกันนั้นยังมี Video DVD โอ้วๆ

ไม่ต้องมีคำบรรยาย สำหรับผู้ชายอย่างพวกเราคงอยากเข้าไปลอง แต่ไม่ได้ครับ มากับน้องๆ เหอๆ

ความหื่นขึ้นหัว

อะไรอยู่ข้างในหว่าๆๆๆๆ

ระหว่างที่ผมเดินอยู่ก็มีชาวอเมริกันผิวดำ ถือป้ายแล้วเขามาชวนผมไปซ่องด้วยแหละ เหอๆ เอารูปผู้หญิงมาให้ดูหลายคนเลย แต่ก็ปฎิเสธไป^^

บรรยากาศยามค่ำคืน

เดินผ่านไปเจอร้านปาจิงโกะ เล่นยังไงไม่รู้ว่ะ แต่รู้ว่ามึงสูบบุหรี่เหม็นมากๆ แล้วก็เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีห้ามเข้ามาเล่น !! อะไรของแม่ง ที่มานี่มีน้องต่ำกว่า 18 ด้วย เหอๆ แย่จัง

คนญีปุ่นนี่สูบบุหรี่จัดมากๆครับ สูบได้ทุกที่เลย

และแล้วการเดินทางในคืนนี้ก็จบลงครับ พวกเราก็ขึ้นรถไฟกลับไปที่พัก

ตอนที่เรามาขึ้นนี่เเที่ยงคืนกว่าๆแล้ว เกือบเป็นรอบสุดท้ายของรถไฟแล้วล่ะ

ห้องคนขับครับ

ดึกแล้วคนยังเยอะอยู่เลย หู้ยๆๆๆๆๆ ดีที่จากชินจูกุนั่งมาแค่ 2 สถานี แล้วก็เดินกลับที่พัก

ดีจังมีป้ายบอกทางด้วย

และแล้วคืนนี้ก็จบลงเพียงเท่านี้ครับ สำหรับใครที่ชอบการท่องเที่ยวญี่ปุ่นขอเชิญติดตามต่อไปนะครับ เพราะผมยังอยู่ที่นี่อีกหลายวันเลยทีเดียวครับ

สำหรับวันนี้ผมขอตัวก่อน แล้วแวะมาใหม่นะครับ

 

ลุยต่อตอนที่ 2 : กดที่นี่เลย

Discover more from Oak.in.th

Subscribe now to keep reading and get access to the full archive.

Continue reading